การจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เพื่อพัฒนาผู้เรียนด้านจิตอาสา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนอนุกูลนารี จังหวัดกาฬสินธุ์

ผู้แต่ง

  • พระปลัดภัครวัฒน์ สีลเตโช (โพนสิงห์) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
  • ประยูร แสงใส มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
  • ชนัฎฎา จำเริญสรรพ์ โรงเรียนอนุกูลนารี จังหวัดกาฬสินธุ์

คำสำคัญ:

การจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม, การพัฒนาผู้เรียนด้านจิตอาสา

บทคัดย่อ

               การวิจัยเรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์ในการวิจัย เพื่อศึกษาสภาพ  เพื่อเปรียบเทียบ และ เพื่อศึกษาแนวทางพัฒนาและส่งเสริม การจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เพื่อพัฒนาผู้เรียนด้านจิตอาสา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนอนุกูลนารี จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed Research) วิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และวิธีวิทยาการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ประชากร ได้แก่ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนอนุกูลนารี จังหวัดกาฬสินธุ์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย จำนวน 300 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลวิจัย สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ สถิติค่าความถี่ (Frequency), คารอยละ(Percentage), คาเฉลี่ย (Mean) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation), สถิติทดสอบ (F-test) และเปรียบเทียบความแตกต่างรายคู่ โดยวิธีการของ เซฟเฟ่ (Scheffe)

                ผลการวิจัยพบว่า

                1) การจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เพื่อพัฒนาผู้เรียนด้านจิตอาสา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนอนุกูลนารี จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน เรียงตามลำดับคะแนนเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ได้แก่ด้านความเสียสละ รองลงมา คือ ด้านความมีน้ำใจ ด้านความรับผิดชอบ ด้านความสามัคคี  และด้านการทำงานเป็นทีม

                 2) ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เพื่อพัฒนาผู้เรียนด้านจิตอาสา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนอนุกูลนารี จังหวัดกาฬสินธุ์ จำแนกตามการศึกษาของผู้ปกครอง พบว่า การศึกษาของผู้ปกครองนัก เรียนต่างกันมีระดับความคิดเห็นไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ซึ่งไม่เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ จำแนกตามอาชีพของผู้ปกครองของนักเรียน พบว่า อาชีพผู้ปกครองของนักเรียนที่แตกต่างกัน มีระดับความคิดเห็น แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ซึ่งเป็นตามสมมติฐานที่ตั้งไว้

                3) แนวทางพัฒนา และส่งเสริมเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เพื่อพัฒนาผู้เรียนด้านจิตอาสา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนอนุกูลนารี จังหวัดกาฬสินธุ์ ครูผู้สอนควรส่งเสริมให้นักเรียน มีความเอื้ออาทรเอาใจใส่คนรอบข้างอย่างสม่ำเสมอ มีจิตอาสาที่จะทำงานให้ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนอย่างเต็มกำลัง ที่ตนเองสามารถช่วยได้ และช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนอยู่เสมอ ให้ความเคารพปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับของสถานศึกษาอย่างเคร่งครัด ให้ความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจกันปฏิบัติกิจกรรมด้วยความสามัคคี และครูผู้สอนควรมีแนวทางการส่งเสริมสนับสนุนในการทำกิจกรรมจิตอาสาเพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างชัดเจนตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2542). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ. กรุงเทพฯ: คุรุสภา.

พระกรวัฒน์ สิริปญฺโญ (สืบสวน). (2562). การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนด้านจิตอาสา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25. วารสารบัณฑิตศึกษามหาจุฬาขอนแก่น. 6(4), 177-191.

พระมหาหัตถพร ปิยธมฺโม (คำเพชรดี). (2561). การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนด้านจิตอาสาในการเรียนสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย. วารสารครุศาสตร์ มจร. 5(1), 135-146.

ไพฑูรย์ สินลารัตน์ และนักรบ มีแสน. (2560). อาจารย์และครูมืออาชีพพัฒนา. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2020-06-30

รูปแบบการอ้างอิง

สีลเตโช (โพนสิงห์) พ. . ., แสงใส ป. ., & จำเริญสรรพ์ ช. . (2020). การจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เพื่อพัฒนาผู้เรียนด้านจิตอาสา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนอนุกูลนารี จังหวัดกาฬสินธุ์. Journal of Buddhist Education and Research (JBER), 6(1), 242–255. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jber/article/view/242793

ฉบับ

ประเภทบทความ

Research Article