การพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ร่วมกับใช้เทคนิคการสอนแบบเพื่อนคู่คิด สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

ผู้แต่ง

  • ธกานต์ สมหมาย มหาวิทยาลัยนเรศวร

คำสำคัญ:

การพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ; การสอนแบบเพื่อนคู่คิด

บทคัดย่อ

          การวิจัยมีจุดมุ่งหมายของการวิจัย คือ 1) เพื่อศึกษาการพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจร่วมกับใช้เทคนิคการสอนแบบเพื่อนคู่คิด สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กับเกณฑ์ร้อยละ 75 2) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจร่วมกับใช้เทคนิคการสอนแบบเพื่อนคู่คิด ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ซึ่งผู้วิจัยได้ดำเนินการตามระเบียบวิธีวิจัยแบบการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ นักเรียนเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนผดุงปัญญา อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 38 จำนวน 38 คน ใช้วิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ( Purposive sampling ) และดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลโดย ค่าความถี่ (frequency) ค่าร้อยละ (percentage) ค่าเฉลี่ย (mean)และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation) ค่าดัชนีความสอดคล้อง ( Index of item-Objective Congruence หรือ IOC)

            ผลการวิจัยพบว่า

  1. ผลการพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจร่วมกับใช้เทคนิคการสอนแบบเพื่อนคู่คิด สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กับเกณฑ์ร้อยละ 75 พบว่า การทดสอบก่อนการจัดการเรียนรู้ การพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ร่วมกับใช้เทคนิคการสอนแบบเพื่อนคู่คิด ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 9.97 การทดสอบหลังจัดการเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 17.42 และเมื่อเปรียบเทียบผลการทดสอบก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ พบว่า นักเรียนมีการพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ร่วมกับใช้เทคนิคการสอนแบบเพื่อนคู่คิด สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 75 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
  2. ผลการศึกษาการพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจร่วมกับใช้เทคนิคการสอนแบบเพื่อนคู่คิด สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า ผลการพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจร่วมกับใช้เทคนิคการสอนแบบเพื่อนคู่คิด ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 การทดสอบก่อนการจัดการเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ย 9.97 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2.20 คิดเป็นร้อยละ 49.87 การทดสอบหลังการจัดการเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ย 17.49 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2.52 คิดเป็นร้อยละ 87.11 โดยมีผลต่าง คิดเป็นร้อยละ 37.24 เมื่อพิจารณานักเรียนเป็นรายบุคคล พบว่า นักเรียนทีมีผลการทดสอบหลังการจัดการเรียนรู้ สูงสุด 3 อันดับ คือ อันดับที่ 1 นักเรียนเลขที่ 4, 33, 37 เพิ่มขึ้นร้อยละ 55.00 อันดับที่ 2 นักเรียนเลขที่ 2, 3, 23, 38 เพิ่มขึ้นร้อยละ 50.00 และอันดับที่ 3 นักเรียนเลขที่ 5, 11, 12, 14, 29, 30, 36 เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.00

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษา. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร แห่ง ประเทศไทย จำกัด.

กัญญา ชัยรัตน์. (2552). ความสำคัญของการพัฒนาทักษะการอ่าน. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ : สหชาติการพิมพ์.

บานบุรี นิวัฒนุวงศ์. (2555). การใช้กลวิธีการอ่านแบบร่วมมือที่มีต่อความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษและความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดหนองตระครอง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์.

ระบบงานทะเบียนโรงเรียนผดุงปัญญา อำเภอเมือง จังหวัดตาก ภาคเรียนที่ 2 ประจำปีการศึกษา 2564.เอกสารอัดสำเนา.

วิจักษณ์ สันติรักษ์. (2550). ภาษาและการเปลี่ยนแปลงแห่งโลกอนาคต. กรุงเทพฯ: บริษัท โรงพิมพ์วัชรินทร์ พี.พี. จำกัด.

สมชาย เกิดผล. (2559). การพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้เทคนิคการสอนแบบเพื่อนคู่คิด ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนพรานกระต่ายพิทยาคม อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร.

สุวิทย์ มูลคำ. (2556). เทคนิคการเรียนรู้แบบเพื่อนคู่คิด. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ บีพีเค พริ้นติ้ง.

อัจฉราวรรณ ศิริรัตน์. (2550). ภาษาและการสื่อสาร. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ธรรมสาร.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2021-12-31

รูปแบบการอ้างอิง

สมหมาย ธ. . (2021). การพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ร่วมกับใช้เทคนิคการสอนแบบเพื่อนคู่คิด สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. Journal of Buddhist Education and Research (JBER), 7(3), 229–237. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jber/article/view/255917

ฉบับ

ประเภทบทความ

Research Article