การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD รายวิชาหน้าที่พลเมืองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธาตุพนม จังหวัดนครพนม
คำสำคัญ:
การพัฒนากิจกรรม, การเรียนรู้เชิงรุก, การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD, รายวิชาหน้าที่พลเมืองบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการจัดกิจกรรม 2) พัฒนากิจกรรม 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ และ 4) เพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD รายวิชาหน้าที่พลเมือง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธาตุพนม จังหวัดนครพนม เป็นการวิจัยเชิงทดลอง สุ่มอย่างง่ายโดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่มเป็นกลุ่มทดลอง และกลุ่มควบคุมกลุ่มละ 30 คน เครื่องมือ ได้แก่ แบบสอบถามสภาพการจัดกิจกรรม แบบสอบถามความพึงพอใจ มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ 0.90 และ 0.88 ตามลำดับ และกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD รายวิชาหน้าที่พลเมืองที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา เปรียบเทียบความแตกต่างของกลุ่มทดลอง และกลุ่มควบคุม โดยใช้การทดสอบค่าทีกรณีกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่มเป็นอิสระต่อกัน (independent sample t-test) ผลการวิจัย พบว่า 1) สภาพการจัดกิจกรรม โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( x̄ = 3.80, S.D. = 0.94) 2) ประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้ มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด คือ E1/E2 = 80.22/83.33 แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมการเรียนรู้สามารถส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนได้ดี 3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน พบว่า นักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้เทคนิค STAD มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4) ผลการประเมินความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมาก (x̄ = 4.25, S.D. = 0.71) แสดงให้เห็นว่าแนวทางการสอนนี้ช่วยพัฒนาความเข้าใจและการเรียนรู้ของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2553). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทยจำกัด.
แคทรียา แสงใส. (2567). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระที่ 3 เศรษฐศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD. Journal of Applied Education. 2(1). 1-12.
ชนาธิป ลอยคลัง. (2567). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สาระเศรษฐศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วารสารครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. 21(1). 45-46.
ภัทราวดี มากมี. (2554). การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัย อีสเทิร์นเอเชีย, 1(1), 7-14.
เรวดี ศรีสุข. (2561). การประยุกต์ใช้ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Co-operative learning) ในการอกแบบจัดการเรียนการสอน. The Journal of Boromarjonani College of Nursing Suphanburi. 2(1). 6-10.
สมบัติ ท้ายเรือคำ. (2555). ระเบียบวิธีวิจัยสำหรับมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ พิมพ์ครั้งที่ 5. มหาสารคาม, สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (2562). แนวทางการนิเทศเพื่อพัฒนาและส่งเสริมการจัด การเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้. [ออนไลน์], แหล่งที่มา: academic.obec.go.th/images/document/ 1603180137_d_1.pdf. [6 กรกฎาคม 2567].
สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ [ออนไลน์], แหล่งที่มา: http://academic.obec.go.th/web/news/view/75. [20 กรกฎาคม 2567].
อภินันท์ ศรีสุภาพ. (2565). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD เรื่องพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. วารสารสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนาท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. 6(3). 155-160.
Johnson, D. W., & Johnson, R. T. (1999). Learning together and alone. Cooperative, competitive and individualistic learning (5th ed.). Boston, MA: Allyn & Bacon.
Slavin, R. E. (1995). Cooperative learning: Theory, research, and practice (2nd ed.). Allyn & Bacon.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Journal of Buddhist Education and Research (JBER)

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

