การประเมินความต้องการจำเป็นในการจัดการด้านการออกกำลังกายและกีฬาของ มหาวิทยาลัยราชภัฏตามแนวคิดของเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนด้านการส่งเสริมสุขภาพ
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความต้องการจำเป็นในการจัดการด้านการออกกำลังกายและกีฬาของมหาวิทยาลัยราชภัฏตามแนวคิดเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนด้านการส่งเสริมสุขภาพ เป็นการวิจัยเชิงสำรวจที่ใช้แบบแผนการวิจัยประเภทการประเมินความต้องการจำเป็น โดยใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 434 คน ได้แก่ บุคลากรฝ่ายบริหาร บุคลากรสายวิชาการ บุคลากรสายสนับสนุนและนักศึกษา โดยทำการแบ่งหน่วยการสุ่มแบบเป็นชั้นภูมิ (Stratified Random Sampling) สถิติที่ใช้คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ในการแปลความหมายค่าเฉลี่ย การจัดเรียงลำดับความสำคัญของลำดับความต้องการจำเป็น
ผลการวิจัยพบว่า
- การจัดการตามหน้าที่ (POIC) ด้านการออกกำลังกายและกีฬาของมหาวิทยาลัยราชภัฏตามแนวคิด
เครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนด้านการส่งเสริมสุขภาพ ด้านสภาพความเป็นจริงกลุ่มตัวอย่างมีความคิดเห็นในระดับปานกลางชี้ให้เห็นว่า จากการดำเนินงานด้านการออกกำลังกายและกีฬายังไม่เป็นที่พึงพอใจของประชากรส่วนใหญ่เท่าที่ควร ด้านสภาพที่คาดหวังมีความต้องการในระดับมากที่สุดในทุกด้าน แสดงให้เห็นว่าประชากรส่วนใหญ่มีความต้องการบริการด้านการจัดการออกกำลังกายและกีฬาเป็นอย่างยิ่ง
2. เมื่อพิจารณาตามค่าดัชนีความต้องการจำเป็นพบว่า สิ่งที่ต้องเน้นเป็นอันดับแรก คือ การนำไปปฏิบัติ รองลงมา คือ การควบคุม การจัดองค์กรและการวางแผน เมื่อพิจารณาประเด็นย่อยพบว่า 2.1) ด้านวางแผน ควรเน้นการตั้งหน่วยงานให้รับผิดชอบในการดำเนินงานด้านกีฬาและการออกกำลังกาย การทำฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องการจัดทำแผนงบประมาณสนับสนุน 2.2) การจัดองค์กร ควรเน้นการจัดตั้งชมรมของนักศึกษาและสโมสรบุคลากรให้รับผิดชอบในการดำเนินกิจการกีฬาและออกกำลังกาย 2.3) การนำไปปฏิบัติ ควรเน้นการจัดกิจกรรมส่งเสริมกีฬาและการออกกำลังกายที่มีความหลากหลายและต่อเนื่องในรูปแบบต่างๆ 2.4) การควบคุมควรจัดทำคู่มือในการดำเนินงานให้กับหน่วยงานและผู้รับผิดชอบ กำหนดมาตรฐานในการให้บริการ ตรวจสอบ ติดตามผลการดำเนินงานเพื่อนำมาปรับปรุง
Article Details
ข้อกำหนดเบื้องต้นที่ผู้นิพนธ์(ผู้ส่งบทความ) ควรทราบ
1. ผู้นิพนธ์ที่ประสงค์จะลงตีพิมพ์บทความกับวารสาร ตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 เป็นต้นไป ให้ใช้รูปแบบใหม่ (Template 2563) โดยสามารถดูตัวอย่างได้ที่เมนู GUIDELINES
2. จะตีพิมพ์และเผยแพร่ได้ ต้องผ่านการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review)
3. การประเมินบทความโดยผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) เป็นแบบ Double Blind
4. การอ้างอิงบทความใช้หลักเกณฑ์ APA (American Psychological Association) คลิก
5. บทความถูกปฏิเสธการตีพิมพ์ ไม่ผ่านการประเมิน ผู้นิพนธ์ขอยกเลิกเองหรือชำระเงินก่อนได้รับการอนุมัติ ทางวารสารไม่มีนโยบายการคืนเงิน
References
ทวีศักดิ์ สว่างเมฆ, (2557). กลยุทธ์การจัดการกีฬาเพื่อสร้างเสริมสุขภาพของนิสิตนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ.วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 16(2), 140-154.
ธงชัย สันติวงษ์, (2545). การจัดการ. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
นรภัทร วิจิตรานุช, (2558). รูปแบบการบริหารจัดการศูนย์กีฬากองทัพบกสวนสนประดิพัทธ์. วารสารสมาคมการจัดการกีฬาแห่งประเทศไทย, 5(2), 24-30.
เนตร์พัณณา ยาวิราช, (2560). การจัดการสมัยใหม่. (พิมพ์ครั้งที่ 11). กรุงเทพฯ: ทริปเพิ้ลกรุ๊ป.
พัชสิรี ชมภูคำ, (2552). องค์กรและการจัดการ. กรุงเทพฯ: แมคกรอ-ฮิลวารุณี เอี่ยมสวัสดิกุล, (2561). การสร้างเสริมสุขภาพในสถานศึกษา. วารสารความปลอดภัยและสุขภาพ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 11(9), 1-11.
วิโรจน์ โรจนพิทยากร, (2560). กรอบการเป็นมหาวิทยาลัยส่งเสริมสุขภาพ บทบรรณาธิการ. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 26(4), 662-663.
สมนึก เอื้อจิระพงษ์พันธ์, (2547). การบัญชีต้นทุน (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: สยามสเตชั่นเนอรี่ ซัพพลายส์.
อำพร ศรียาภัย, (2557). การจัดการกีฬาในสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาเพื่อพัฒนากีฬาชาติ. วารสารสมาคมการจัดการกีฬาแห่งประเทศไทย, 4(1), 35-49.
Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.