กิจกรรมการเรียนรู้เชิงประสบการณ์บนฐานชุมชนเพื่อพัฒนาพลเมืองตื่นรู้ ด้านวัฒนธรรมอาหารถิ่นลับแล ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้น
คำสำคัญ:
การเรียนรู้เชิงประสบการณ์, พลเมืองตื่นรู้, อาหารถิ่นลับแลบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและปัญหาด้านการจัดการเรียนรู้วัฒนธรรมอาหารถิ่นลับแล ของครูผู้สอนรายวิชาสังคมศึกษา 2) เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้เชิงประสบการณ์บนฐานชุมชน เพื่อพัฒนาพลเมืองตื่นรู้ด้านวัฒนธรรมอาหารถิ่นลับแลของนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้น โดยมีกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 42 คน ประกอบไปด้วย ครูผู้สอนรายวิชาสังคมศึกษา จำนวน 3 คน ผู้มีประสบการณ์ทางด้านการทำอาหารถิ่นลับแล จำนวน 3 คน และนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอนุบาลอุตรดิตถ์ จำนวน 36 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาวิจัย ได้แก่ 1) แบบสัมภาษณ์สภาพปัจจุบันและปัญหาการจัดการเรียนรู้วัฒนธรรมอาหารถิ่นลับแลของครูผู้สอนรายวิชาสังคมศึกษา 2) แบบสัมภาษณ์ข้อมูลเกี่ยวกับอาหารถิ่นลับแล 3) แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงประสบการณ์บนฐานชุมชน เพื่อพัฒนาพลเมืองตื่นรู้ด้านวัฒนธรรมอาหารถิ่นลับแล ผู้วิจัยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการใช้การวิเคราะห์เนื้อหาและสังเคราะห์เขียนบรรยายเชิงพรรณนา ผลการวิจัยพบว่า 1) ปัจจุบันปัญหาด้านการจัดการเรียนรู้วัฒนธรรมอาหารถิ่นลับแล ในปัจจุบันส่วนมากยึดตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 และการนำเนื้อหาของท้องถิ่นมาสอดแทรกเข้าไปในรายวิชาจะสอดแทรกได้น้อย และการจัดการเรียนรู้ส่วนใหญ่จะเป็นการบรรยายเป็นส่วนใหญ่ 2) องค์ความรู้ที่ได้รับจากผู้มีประสบการณ์ทางด้านการทำอาหารลับแล พบว่าอาหารถิ่นลับแลเป็นอาหารที่นำวัตถุดิบมาจากท้องถิ่นโดยเฉพาะนำมาจากริมรั้ว หรือหาได้ตามฤดูกาลมาประกอบอาหาร ส่วนใหญ่จะทำง่าย รับประทานได้ตลอดวัน 3) กิจกรรมการเรียนรู้เชิงประสบการณ์บนฐานชุมชน เพื่อพัฒนาพลเมืองตื่นรู้ด้านวัฒนธรรมอาหารถิ่น ลับแล เป็นการนำแนวความคิดการเรียนรู้เชิงประสบการณ์และแนวคิดการศึกษาบนฐานชุมชนนำมาบูรณาการในการจัดทำแนวทางการจัดกิจกรรม โดยมีองค์ประกอบได้แก่ หลักการและเหตุผล วัตถุประสงค์ของกิจกรรม เนื้อหา แนวทางการจัดกิจกรรม แนวทางการการวัดและประเมินผล และเนื้อหาประกอบด้วย ได้แก่ ความรู้พื้นฐานอาหารถิ่นลับแล ข้าวแคบ หมี่พัน หมี่คลุก ลอดช่องเค็ม และ เมี่ยงหวาน 4) ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงประสบการณ์บนฐานชุมชน เพื่อพัฒนาพลเมืองตื่นรู้ ด้านวัฒนธรรมอาหารถิ่นลับแล แบ่งเป็น 3 ด้าน ได้แก่ ด้านองค์ความรู้พบว่า นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับอาหารถิ่นลับแล สามารถอธิบายลักษณะองค์ประกอบ ขั้นตอน วิธีการทำอาหารถิ่นลับแลได้ ด้านการลงมือปฏิบัติ พบว่า นักเรียนสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับมาปรับปฏิบัติลงมือทำจริง โดยนักเรียนเตรียมองค์ประกอบ และปฏิบัติตามขั้นตอนการทำอาหารถิ่นลับแลได้ ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ พบว่า นักเรียนนำองค์ความรู้ที่ได้รับ ประสบการณ์ที่ได้ปฏิบัติจริง นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันและช่วยอนุรักษ์และเผยแพร่เกี่ยวอาหารถิ่นลับแลได้ ดังนั้น กิจกรรมการเรียนรู้เชิงประสบการณ์บนฐานชุมชน เพื่อพัฒนาพลเมืองตื่นรู้ สามารถนำไปบูรณาการให้สอดคล้องกับบริบทของท้องถิ่น เพื่อให้เกิดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย ส่งผลต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของครูผู้สอนให้มีความหลากหลาย และนักเรียนในฐานะผู้เรียนได้รับความรู้ ประสบการณ์ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2545). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.).
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
กรทักษ์ เม่นวังแดง, และคณะ. (2547). ข้าวแคบ. สืบค้น 16 มกราคม 2567, จาก http://www.museumthailand.com/th/3976/storytelling/
นภาพร แสงนิล. (2561). กลยุทธ์การเสริมสร้างคุณลักษณะความเป็นพลโลกให้กับผู้เรียนโรงเรียนมัธยมศึกษาจังหวัดน่าน (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่.
รัตนา ยะอนัน. (2552). กระบวนการจัดการเรียนรู้เพื่ออนุรักษ์ภูมิปัญญาอาหารท้องถิ่น ตำบลนานกกก อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์.
ศรีจันทรัตน์ กันทะวัง. (2558). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนภูมิปัญญาท้องถิ่นตามแนวการสอนเชิงประสบการณ์ โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วม สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา. วารสารสังคมศาสตร์วิชาการ, 8(1), 1–14.
สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นอำเภอลับแล. (2556). ประวัติความเป็นมาของเมืองลับแล. สืบค้น 16 มกราคม 2567, จาก http://laplaedistrict.uttaraditlocal.go.th/
สิมสวัสดิ์ ก. (2565). การจัดการเรียนรู้โดยชุมชนเป็นฐาน: กลยุทธ์การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19. วารสารวิจัยศรีล้านช้าง, 2(6), 47–55. https://ojs.mbuslc.ac.th/index.php/srj/article/view/151
โชตรัศมิ์ จันทน์สุคนธ์. (2551). วิชาสังคมศึกษา: ศาสตร์แห่งการบูรณาการ. วารสารวิชาการศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 9(1), 16–23.
Ekman, J., & Amnå, E. (2012). Political participation and civic engagement: Towards a new typology. Human Affairs, 22(3), 283–300. https://doi.org/10.2478/s13374-012-0024-1
Honey, P., & Mumford, A. (1992). The manual of learning styles. Maidenhead: Peter Hone.
Kolb, D. A. (1984). Experiential learning: Experience as the source of learning and development. Englewood Cliffs, NJ: Prentice Hall.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
หมวดหมู่
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Journal of Buddhist Education and Research (JBER)

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

