แนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนโสตทักษะของนักเรียนเตรียมอุดมดนตรี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ:
แนวทางการพัฒนา, การจัดการเรียนการสอนโสตทักษะ, เตรียมอุดมดนตรีบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) สภาพการจัดการเรียนการสอนโสตทักษะในระดับเตรียมอุดมดนตรี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ 2) แนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนโสตทักษะในระดับเตรียมอุดมดนตรี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ใช้การสนทนากลุ่ม การสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม และการสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง กลุ่มผู้ให้ข้อมูล แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 4-6 โรงเรียนเตรียมอุดมดนตรี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จำนวน 36 คน และ กลุ่มที่ 2 กรรมการหลักสูตรเตรียมอุดมดนตรี อาจารย์สอนวิชาโสตทักษะ และนักการศึกษาทางดนตรี จำนวน 12 คน คัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบสนทนากลุ่ม แบบสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม และแบบสัมภาษณ์ ผลการวิจัยแบ่งเป็น 2 ส่วน พบว่า ส่วนแรก สภาพการจัดการเรียนการสอน แบ่งออกเป็น 5 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านหลักสูตรและเนื้อหา มีการจัดแบ่งกลุ่มนักเรียนตามระดับความสามารถในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5-6 เนื้อหาบางส่วนมีความซ้ำซ้อนกับหลักสูตรโสตทักษะ เกรด 9 ของ TIME 2) ด้านครูผู้สอน มีการเตรียมความพร้อมในการสอนและมีเทคนิคการสอนดี 3) ด้านกิจกรรมการสอน กิจกรรมมีความต่อเนื่องและมีความหลากหลาย 4) ด้านสื่อ อุปกรณ์ และสถานที่ สื่อและอุปกรณ์ที่ใช้มีความทันสมัย เหมาะสมกับเนื้อหา ห้องเรียนมีความเหมาะสมต่อการเรียน และ 5) ด้านการวัดผลและการประเมินผล มีการวัดผลและการประเมินผลจากหลายทักษะ และเก็บคะแนนเป็นระยะ ๆ ส่วนที่สอง แนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนโสตทักษะ แบ่งเป็น 5 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านหลักสูตรและเนื้อหา 2) ด้านครูผู้สอน 3) ด้านกิจกรรมการสอน 4) ด้านสื่อ อุปกรณ์ และสถานที่ และ 5) ด้านการวัดผลและการประเมินผล
เอกสารอ้างอิง
จิรภัทร์ ถิ่นทะเล (2564). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโสตทักษะทางดนตรีด้วยชุดกิจกรรมเพื่อ เสริมสร้างโสตทักษะทางดนตรี ตามแนวคิดของโคดายสำหรับนักเรียนขับร้องประสานเสียง โรงเรียนเปรมประชาวัฒนา. วารสาร มจร พุทธปัญญาปริทรรศน์. 6(2). 31-41.
ชนาธิป พรกุล. (2552). การออกแบบการสอน การบูรณาการการอ่าน การคิดวิเคราะห์ และการเขียน. กรุงเทพมหานคร: วี. พริ้นท์.
ณรุทธ์ สุทธจิตต์ (2555). ดนตรีศึกษา: หลักการและสาระสำคัญ. (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพมหานคร: แอคทีฟ
พริ้นท์ จำกัด.
เดชาชัย สุจริตจันทร์. (2549). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดนตรี เรื่องการอ่านโน้ตสากลเบื้องต้นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนตามวิธีการสอนของโคดายกับวิธีสอนปกติ. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฎเทพสตรี.
นิอร เตรัตนชัย (2562). การศึกษาการสอนโสตทักษะตามแนว สุดา พนมยงค์. วารสารมนุษยศาสตร์วิชาการ.
(1). 315-345
พงษ์ลดา นาควิเชียร. (2537). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดนตรีสากลขั้นพื้นฐานของนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนโดยการสอนตามแนวคิดของโคดายกับการสอนตามแนวคิดของเบอร์เกตันและบอร์ดแมน. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุทธาสินี ถีระพันธ์. (2558). การศึกษาเปรียบเทียบผลการเรียนขับร้องของนักเรียนชั้นประถมปีที่ 6 ระหว่างกลุ่มที่ใช้วิธีสอนดนตรีแบบโคดายกับกลุ่มที่ใช้วิธีสอนปกติ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 50จังหวัดขอนแก่น. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปกรรมศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
สุรางค์ โค้วตระกูล. (2559). จิตวิทยาการศึกษา. (พิมพ์ครั้งที่ 12). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย
Kielczewski, N., M. (2011). The effect of Music Learning Theory on sight singing ability of Middle
school students. Master’s thesis. The University of Toledo, Ohio.
Nite S. B., Tacka, P., Houlahan, M., et al. (2015). The Effect of Kodály Training on Music Teachers’ sight Singing Skills. Literacy Information and Computer Education Journal, 2(3). 2013- 2019.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

