ความสัมพันธ์ระหว่างแรงจูงใจในการเข้าร่วมกิจกรรมกีฬากับความสำเร็จของนักกีฬา ในการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ “พลศึกษาเกมส์”
คำสำคัญ:
แรงจูงใจ, นักกีฬาที่ประสบความสำเร็จ, พลศึกษาเกมส์บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและหาความสัมพันธ์ระหว่างแรงจูงใจในการเข้าร่วมกิจกรรมกีฬากับความสำเร็จของนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ “พลศึกษาเกมส์” เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสำรวจ (Survey) ด้วยการใช้แบบสอบถามแรงจูงใจในการเข้าร่วมกิจกรรมกีฬาของนักกีฬามหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ จากนักกีฬาที่ได้รับเหรียญในการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ “พลศึกษาเกมส์” โดยกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง จากตารางสำเร็จรูปของเครจซี่และมอร์แกน (Krejcie & Morgan) และทำการเลือกตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster random sampling) 2 ขั้นตอน (two-stage cluster sampling) จำนวน 317 คน จากมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติทั้ง 4 ภาค9 วิทยาเขต วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของสเปียร์แมน โดยกำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ผลการวิจัยพบว่า 1) แรงจูงใจในการเข้าร่วมกิจกรรมกีฬาของนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัย การกีฬาแห่งชาติ “พลศึกษาเกมส์” ด้านใฝ่สัมฤทธิ์/การยอมรับ มีแรงจูงใจสูงมากโดยมีค่าเฉลี่ย 4.27 (SD=0.90) ด้านการทำงานเป็นทีม มีแรงจูงใจสูงมากโดยมีค่าเฉลี่ย 4.32 (SD=0.87) ด้านสมรรถภาพร่างกาย มีแรงจูงใจสูงมากโดยมีค่าเฉลี่ย 4.40 (SD=0.81) ด้านสมรรถภาพจิตใจ มีแรงจูงใจสูงมากโดยมีค่าเฉลี่ย 4.23 (SD=0.86) ด้านกิจกรรมทางสังคม มีแรงจูงใจสูงมากโดยมีค่าเฉลี่ย 4.25 (SD=0.87) ด้านความตื่นเต้น/ความสนุกสนาน มีแรงจูงใจสูงมากโดยมีค่าเฉลี่ย 4.44 (SD=0.81) ด้านการแสดงออก มีแรงจูงใจสูงมากโดยมีค่าเฉลี่ย 4.12 (SD=0.95) ด้านการมีส่วนร่วม มีแรงจูงใจสูงมากโดยมีค่าเฉลี่ย 4.35 (SD=0.84) และด้านการพัฒนาทักษะ มีแรงจูงใจสูงมากที่สุดโดยมีค่าเฉลี่ย 4.52 (SD=0.76) 2) ผลการวิเคราะห์ข้อมูลแรงจูงใจในการเข้าร่วมกิจกรรมกีฬากับความสำเร็จของนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันกีฬา มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ “พลศึกษาเกมส์” ด้านใฝ่สัมฤทธิ์/การยอมรับ มีความสัมพันธ์ทางบวกกับความสำเร็จ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P <0.05 (r=0.18) ด้านการทำงานเป็นทีม มีความสัมพันธ์ทางบวกกับความสำเร็จ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P <0.05 (r=0.17) ด้านสมรรถภาพร่างกาย มีความสัมพันธ์ทางบวกกับความสำเร็จ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P <0.05 (r=0.19) ด้านสมรรถภาพจิตใจมีความสัมพันธ์ทางบวกกับความสำเร็จ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P <0.05 (r=0.20) ด้านกิจกรรมทางสังคมมีความสัมพันธ์ทางบวกกับความสำเร็จ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P <0.05 (r=0.17) ด้านความตื่นเต้น/ความสนุกสนานมีความสัมพันธ์ทางบวกกับความสำเร็จ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P <0.05 (r=0.14) ด้านการแสดงออก มีความสัมพันธ์ทางบวกกับความสำเร็จ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P <0.05 (r=0.17) ด้านการมีส่วนร่วม มีความสัมพันธ์ทางบวกกับความสำเร็จ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P <0.05 (r=0.19) ด้านการพัฒนาทักษะมีความสัมพันธ์ทางบวกกับความสำเร็จ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P <0.05 (r=0.11)
เอกสารอ้างอิง
คุณัตว์ พิธพรชัยกุล. (2549). อิทธิพลของลักษณะเป้าหมายใฝ่สัมฤทธิ์ที่มีต่อแรงจูงใจในการเข้าร่วมกิจกรรมกีฬาของนักกีฬาระดับอุดมศึกษา. (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต วิทยาศาสตร์การออกกำลังกายและการกีฬา). ชลบุรี : มหาวิทยาลัยบูรพา.
เจษฏา จันทรประดิษฐ์. (2563). การศึกษาแรงจูงใจทางการกีฬาของนักกีฬาที่เป็นตัวแทนสถาบันการพลศึกษาในวิทยาเขตภาคใต้ที่เข้าร่วมการการแข่งขันกีฬาสถาบันการพลศึกษาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 43. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ, 12(3), Article 3.
รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร. (2559, 16 กันยายน). กีฬากับการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคม. มติชนออนไลน์. สืบค้นจาก https://www.matichon.co.th/columnists/news_287377
มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ฝ่ายกิจการนักศึกษาและกิจการพิเศษ. (2566). สูจิบัตรการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 46 “พลศึกษาเกมส์” วันที่ 2-11 กันยายน 2566. อ่างทอง : มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตอ่างทอง.
มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ กลุ่มจัดการแข่งขันกีฬา. 2566. สรุปผลการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 46 พลศึกษาเกมส์. อ่างทอง : สำนักกีฬา มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ.
บุญเรียง ขจรศิลป์. (2543). วิธีวิจัยทางการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ : หจก.พี.เอ็น.การพิมพ์.
สุวิมล ติรกานันท์. (2546). ระเบียบวิธีการวิจัยทางสังคมศาตร์ : แนวทางสู่การปฏิบัติ. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์.
อรรถพล ภูดวงจิตร์. (2565). แรงจูงใจในการเล่นกีฬาวู้ดบอลของนักกีฬาวู้ดบอลไทย. (วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต วิทยาศาสตร์การกีฬาและการออกกำลังกาย). กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อโณทัย งามวิชัยกิจ. (2022 18 พฤศจิกายน). การวิเคราะห์ช่วยชีวิต Spearman Rank Corelation (ไฟล์วิดีโอ). สืบค้นจาก https://www.youtube.com/watch?v=mFp XUnHexU
Bandura, A. (1997). Self-efficacy: The exercise of control. W.H. Freeman.
Best, John W. (1986) Research in Education. New Jersey : Prentice Hall Tnc.,.
Coakley, J. (2021). Sports in society: Issues and controversies (13th ed.). McGraw-Hill Education.
Deci, E. L., & Ryan, R. M. (1985). Intrinsic motivation and self-determination in human behavior. Springer Science & Business Media.
Vallerand, R. J. (2001). A hierarchical model of intrinsic and extrinsic motivation in sport and exercise. In G. C. Roberts (Ed.), Advances in motivation in sport and exercise (pp. 263–320). Human Kinetics.
Rosenkranz, R. R., Dixon, P. M., Dzewaltowski, D. A., McLoughlin, G. M., Lee, J. A., Chen, S., Vazou, S., Lanningham-Foster, L. M., Gentile, D. A., & Welk, G. J. (2023). A cluster-randomized trial comparing two SWITCH implementation support strategies for school wellness intervention effectiveness. Journal of Sport And Health Science, 12(1), 87-96
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 Journal of Buddhist Education and Research (Online)

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

