ศึกษาการบริหารกิจการคณะสงฆ์ในอำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์
คำสำคัญ:
การบริหารกิจการคณะสงฆ์บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับคณะสงฆ์ในอำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เพื่อศึกษาประสิทธิผล ของการดำเนินงานตามพันธกิจ ของคณะสงฆ์ในเขตอำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ และเพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ปัญหาในการบริหารกิจการคณะสงฆ์ในเขตอำเภอกาบเชิง
ผลการศึกษาพบว่า
๑) อำเภอกาบเชิง ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของจังหวัดสุรินทร์ มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้ ทิศเหนือ ติดกับอำเภอปราสาทและอำเภอสังขะ ทิศตะวันออก ติดกับอำเภอสังขะ ทิศใต้ ติดกับจังหวัดโอดดาร์เมียนเจีย (ราชอาณาจักรกัมพูชา) ทิศตะวันตก ติดกับอำเภอพนมดงรัก แบ่งการปกครองออกเป็น ๖ ตำบล ๑๗ หมู่บ้าน ๒,๐๖๓ ครัวเรือน อำเภอกาบเชิงมีวัดในเขตปกครอง ๕๖ แห่ง
๒) ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิผลการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของ พระสังฆาธิการ ในอำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านแล้ว พบว่า อยู่ในระดับมาก เรียงลําดับตามค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยดังนี้ (๑) ด้านสาธารณสงเคราะห์ ๓.๔๖ (๒) ด้านการศึกษาสงเคราะห์ ๓.๕๗ (๓) ด้านการเผยแผ่ ๓.๕๗ (๔) ด้านการศาสนศึกษา ๓.๗๐ (๕) ด้านสาธารณูปการ ๓.๗๕ (๖) ด้านการปกครอง ๓.๘๖ ตามลำดับ
๓) ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับประสิทธิผลการบริหารกิจการคณะสงฆ์ อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์(๑) ด้านการปกครองควรส่งเสริมผู้มีความสามารถเหมาะสมเข้ามาบริหารปกครองด้วยหลักธรรมและดูแลพระภิกษุสงฆ์ให้ทั่วถึง มีบทลงโทษที่จริงจังและควรจัดให้มีการประชุมหมู่คณะกัน บ่อย ๆ เพื่อจะได้ปรับปรุงแก้ไขในสิ่งที่มีดี(๒) ด้านการศาสนศึกษา ควรส่งเสริมให้พระสงฆ์ทุกรูปในวัดได้เรียนพระธรรมวินัย เป็นประจํา ปรับปรุงให้มีการคิดเห็นเกี่ยวกับการศึกษาภาษาบาลี และให้พระภิกษุศึกษาหลักพระธรรมวินัยให้มากขึ้น(๓) ด้านการศึกษาสงเคราะห์ควรมีการจัดตั้งทุนให้พระภิกษุสามเณรศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นและควรจัดการศึกษาที่เน้นปลูกฝังเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ทางด้านจริยธรรมและให้เข้าใจพระพุทธศาสนา(๔) ด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ควรนําสื่อรูปแบบต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในการเผยแผ่และให้โอกาสพระภิกษุที่มีความรู้ความสามารถด้าน การเผยแผ่ได้ทําหน้าที่เผยแผ่ธรรมแก่ประชาชน เป็นประจํา(๕) ด้านการสาธารณูปการ ควรจัดตั้งกองทุนและมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลด้านนี้โดยเฉพาะควรทํางานให้รวดเร็วขึ้นและควรจัดการศาสนสมบัติอย่างมีระเบียบและ(๖) ด้านการสาธารณสงเคราะห์ควรกําหนดแผนงานในด้านงานสาธารณะสงเคราะห์ เป็นประจําให้สถานที่แก่การบําเพ็ญกุศลแก่ประชาชนทุกคนและควรสร้างสถานสงเคราะห์ให้กับคนยากไร้เช่นโรงทาน ถนน สถานพยาบาล หรือบ้านพักคนชราเป็นต้น.
References
กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ.คู่มือการบริหารการศึกษาของคณะสงฆ์.กรุงเทพมหานคร :กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๒๘.
สุพัฒน์ มนัสไพบูลย์.หลักการบริหารและการจัดการวัดในยุคโลกาภิวัตน์.บริษัท เอ.พี กราฟิคดีไซน์และการพิมพ์ จํากัด, ๒๕๓๙.
พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต).พุทธวิธีบริหาร.กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๔๙.