การพัฒนาทักษะการขายผลิตภัณฑ์เรื่อง ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ โดยใช้ห้องเรียนกลับด้าน สำหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 2
คำสำคัญ:
การพัฒนาทักษะการขาย, ห้องเรียนกลับด้าน, อาชีวศึกษาบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาประสิทธิภาพการพัฒนาทักษะการขายผลิตภัณฑ์ เรื่อง ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ โดยใช้ห้องเรียนกลับด้าน มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการพัฒนาทักษะการขายผลิตภัณฑ์ เรื่อง ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ โดยใช้ห้องเรียนกลับด้าน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 วิทยาลัยเทคนิคเดชอุดม สังกัดสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 23 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (cluster random sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนการสอน และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.80 และแบบสอบถามความพึงพอใจ มีค่าดัชนีความสอดคล้องทั้งฉบับเท่ากับ 0.77 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าร้อยละส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และค่าสถิติ t (t-test Dependent)
ผลการวิจัยพบว่า
- ผลการหาประสิทธิภาพการพัฒนาทักษะการขายผลิตภัณฑ์ เรื่อง ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์โดยใช้ห้องเรียนกลับด้าน พบว่า มีประสิทธิภาพ E1/E2 (82.17/86.96) ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ (80/80)
- ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน หลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 26.08 คิดเป็นร้อยละ 86.95 ก่อนเรียนค่าเฉลี่ยเท่ากับ 20.04 คิดเป็นร้อยละ 66.81 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
- ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการพัฒนาทักษะการขายผลิตภัณฑ์ เรื่อง ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ โดยใช้ห้องเรียนกลับด้าน โดยรวมและรายด้าน ตามความเห็นของผู้เรียน โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.24, S.D. =0.19) รายด้านพบว่า ทุกด้านอยู่ในระดับมาก โดยเรียงลำดับจากมากไปน้อยสามลำดับแรกคือ ด้านบทบาทผู้เรียน ( = 4.29, S.D. =0.38) ด้านบทบาทครูผู้สอน ( = 4.27, S.D. =0.27) และด้านกิจกรรมการเรียนรู้ ( = 4.16, S.D. =0.28)
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560). กรุงเทพฯ.
จักรพงษ์ คุชิตา. (2564). “ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาการขายเบื้องต้นโดยใช้บทเรียนออนไลน์ประกอบการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้าน ของนักเรียนระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ”. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี.
ทิชานนท์ ชุมแวงวาปี. (2558). “การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการแก้ปัญหาด้วยวิธีการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับเทคนิคห้องเรียนกลับด้านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1ในรายวิชาสังคมศึกษา ส 21103”. วารสารมหาวิทยาลัยขอนแก่น, 38(4), 58-65.
นิชาภา บุรีกาญน์. (2556). “ผลการจัดการเรียนรู้วิชาสุขศึกษาโดยใช้แนวคิดแบบห้องเรียนกลับด้านที่มีต่อความรับผิดชอบและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น”. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา. ภาควิชาหลักสูตรและการสอน: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ราชกิจจานุเบกษา. (2562). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562. เล่ม 116 ตอนที่ 74ก หน้า 1.
ลัลน์ลลิต เอี่ยมอำนวยสุข. (2556). “การสร้างสื่อบนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพา เรื่องการเคลื่อนไหวในระบบดิจิตอลเบื้องต้นที่ใช้วิธีการสอนแบบห้องเรียนกลับด้าน”. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตร์อุตสาหกรรมมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี.
วสันต์ แสงหิรัญ. (2560). “ห้องเรียนกลับด้านกับการคิดวิเคราะห์”. วารสารบัณฑิตศึกษา,14(65), 19-28.
วิจารย์ พาณิช. (2556). ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง. กรุงเทพฯ: เอสอาร์พริ้นติ้งแมสโปรดัก.วิทยาลัยเทคนิคเดชอุดม. (2565). รายงานการประเมินตนเอง (Self – Assessment Report : SAR) ประจำปีการศึกษา 2565 ฝ่ายแผนงานและความร่วมมือ. อุบลราชธานี.
อัจฉรา เชยเชิงวิทย์ และ ธีรพงษ์ วิริยานนท์. (2560). “การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือผ่านเครือข่ายสังคม”. วารสารเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี, 7(1), 163-178.
Bergmann, J., & Sams, A. (2012). Flip Your Classroom Reach Every Student in Every Class Every Day. Washington, DC: ISTE and ASCD.
