Learning Management Based on Multimedia Learning Theory to Enhance Students’ Ability to Create Workpieces and Motivation to Learn in Grade 12 Students

Authors

  • Supasita Yenok Silpakorn University Sanam Chandra Palace Campus, Nakhon Pathom, Thailand
  • Ubonwan Songserm Silpakorn University Sanam Chandra Palace Campus, Nakhon Pathom, Thailand

Keywords:

Learning management based on multimedia learning theory, Ability to create workpieces, Motivation to learn

Abstract

The objectives of this research were: 1) to study the ability of Grade 12 students to create workpieces after learning management based on multimedia learning theory, and 2) to compare the students' motivation to learn before and after the implementation of learning management based on multimedia learning theory. This study employed a pre-experimental research design, specifically the One-Group Pretest–Posttest Design and the One-Shot Case Study. The sample group consisted of 42 Grade 12 students from Kamphaeng Saen Wittaya School, enrolled in the second semester of the 2024 academic year, selected through cluster random sampling. The research instruments included: 1) a learning management plan on "The Kingdoms of Animals and Plants" using multimedia learning theory, with a suitability index of 5.00; 2) a workpiece creation ability assessment form, with a suitability index of 4.33; and 3) a learning motivation assessment form, with a suitability index of 5.00. Data were analyzed using mean, standard deviation, dependent t-test, and content analysis. The research findings were as follows: 1. The students' ability to create workpieces after learning management based on multimedia learning theory was evaluated at a good level (M = 2.74, S.D. = 0.19), confirming the first hypothesis. 2. The comparison of students' learning motivation before and after the learning management showed that the mean post-learning motivation score (M = 4.32, S.D. = 0.70) was higher than the pre-learning motivation score (M = 3.32, S.D. = 0.96), supporting the second hypothesis.

References

Besemer, S. P., & O’Quin, K. (1999). Confirming the three-factor creative product analysis matrix model in an American sample. Creativity Research Journal, 12(4), 287–296.

Chang, H. Y., Quintana, C., & Krajcik, J. S. (2010). ผลกระทบของการออกแบบและการประเมินแอนิเมชั่นโมเลกุลต่อความเข้าใจของนักเรียนมัธยมต้นเกี่ยวกับธรรมชาติของอนุภาค. การศึกษาวิทยาศาสตร์, 94(1), 73–94.

Davis, K. (1997). HTML visual quick reference. United States of America: Corporation.

Ercan, O. (2014). ผลของการเรียนรู้มัลติมีเดียต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทัศนคติต่อวิชาวิทยาศาสตร์ของนักศึกษา. Journal of Baltic Science Education, 13(5), 608–622.

Mayer, R. E. (1997). การเรียนรู้แบบมัลติมีเดีย: เรากำลังถามคำถามที่ถูกต้องหรือไม่? นักจิตวิทยาการศึกษา, 32(1), 1–19.

Mayer, R. E. (2002). การเรียนรู้แบบมัลติมีเดีย. จิตวิทยาการเรียนรู้และแรงจูงใจ, 41, 85–139.

O’Quin, K., & Besemer, S. P. (2006). Creative products. In J. C. Kaufman & R. J. Sternberg (Eds.), The international handbook of creativity (pp. 175–189). Cambridge University Press.

Pierce, L. B. (2003). The great debate continued: Does daily writing in kindergarten lead to invented spelling and reading? Dissertation Abstracts International, 64(6), 1967–A.

Sorden, S. D. (2011). The cognitive theory of multimedia learning. Retrieved April 8, 2013, from http://sorden.com/portfolio/sorden_draft_multimedia2012.pdf

Volman, M. J. M., Van Schendel, B. M., & Jongmans, M. J. (2006). Handwriting difficulties in primary school children: A search for underlying mechanisms. American Journal of Occupational Therapy, 60.

กอบวิทย์ พิริยะวัฒน์. (2561). การประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ฐาปกร ฤทธิ์มะหา, & ปาริชาติ แสนนา. (2560). โมเดลสมการโครงสร้างของแรงจูงใจในการเรียนชีววิทยาและการให้เหตุผลโดยใช้แบบจำลองเป็นฐานของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย. ใน The 7th NEU National Conference (น. 307–319). ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.

ณรงค์ ทองปาน. (2550). ทฤษฎีและแนวทางการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

ทิศนา แขมมณี. (2557). ปลุกโลกการสอนให้มีชีวิตสู่ห้องเรียนแห่งศตวรรษใหม่. เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ “อภิวัฒน์การเรียนรู้...สู่จุดเปลี่ยนประเทศไทย”.

บุญชม ศรีสะอาด. (2555). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.

ปัญจนาฏ วรวัฒนชัย. (2559). กลไกสมองสองซีกกับความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์. Journal of Information, 15(2), 1–12.

พรทิพย์ ศิริภัทราชัย. (2556). STEM Education กับการพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21. วารสารนักบริหาร, 33(2), 49–56.

ไพฑูรย์ สินลารัตน์. (2549). การศึกษาเชิงสร้างสรรค์และผลิตภาพ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ภาพิสุทธิ์ ภูวญาณพงศ์, & ยุรวัฒน์ คล้ายมงคล. (2558). ผลของกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบสอบโดยใช้วัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น บูรณาการร่วมกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่มีต่อทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์. An Online Journal of Education, 10(2), 172–184. https://so01.tci-thaijo.org/index.php/OJED/article/view/35272

ภารดี กล่อมดี. (2561). ผลการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E. วารสารมหาวิทยาลัยศิลปากร, 11(1).

ภัสสร ติดมา, มลิวรรณ นาคขุนทด, & สิรินภา กิจเกื้อกูล. (2558). การจัดการเรียนรู้ตามแนวทาง STEM Education เรื่องระบบของร่างกายมนุษย์ เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วารสารราชพฤกษ์, 13(3), 72.

มาเรียม นิลพันธุ์. (2558). วิธีวิจัยทางการศึกษา. นครปฐม: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร.

ยุพา วรยศ, และคณะ. (2551). คู่มือครูวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2. กรุงเทพฯ: อักษรเจริญทัศน์.

วรทา รุ่งบานจิต. (2559). แรงจูงใจในการเรียนวิชาภาษาจีนของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา. (รายงานวิจัย). ยะลา: มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา.

วรรณภา อ่างทอง, บังอร แถวโนนงิ้ว, & ประสาท เนืองเฉลิม. (2563). การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานตามแนวทางสะเต็มศึกษา. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 14(1), 92.

วศิณีส์ อิศรเสนา ณ อยุธยา. (2559). เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ STEM Education (สะเต็มศึกษา). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

วิจารณ์ พาณิช. (2556). การสร้างการเรียนรู้สู่ศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: ส.เจริญการพิมพ์.

วิชัดชณา จิตรักศิลป์, ถาดทอง ปานศุภวัชร, & นิติธาร ชูทรัพย์. (2560). การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์โดยการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษาเรื่องแรง การเคลื่อนที่ และพลังงาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วารสารวิชาการหลักสูตรการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร, 10(27), 87–97.

วัชรียา พรพรมพันธ์, อรุณรัตน์ คำแหงพล, & ถาดทอง ปานศุภวัชร. (2563). การเปรียบเทียบทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่องพอลิเมอร์ โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับเทคนิค POE และการจัดการเรียนรู้แบบปกติ. (วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.

ศรีสุวรรณ ศรีสร้อย. (2559). การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการคิดวิเคราะห์โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ตามวัฏจักรการเรียนรู้แบบ 7 ขั้น เรื่องระบบนิเวศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์. (วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.

สกลรัชต์ แก้วดี. (2560). แรงจูงใจและการเรียนรู้ของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในห้องเรียนวิทยาศาสตร์. วารสารครุศาสตร์, 45(1), มกราคม–มีนาคม 2560.

สมบัติ ท้ายเรือคำ. (2549). การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

อรรถพล แท่นแก้ว. (2551). การวัดและประเมินผลการเรียนรู้. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง.

อารี พันธ์มณี. (2542). จิตวิทยาการเรียนการสอน. กรุงเทพฯ: เลิฟแอนด์ลิพเพรส.

อุรัจฉทาธ์ นามรักษ์. (2555). ปัจจัยบางประการที่ส่งผลต่อการกำกับตนเองในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

Downloads

Published

2025-04-26

How to Cite

Yenok, S., & Songserm, U. . (2025). Learning Management Based on Multimedia Learning Theory to Enhance Students’ Ability to Create Workpieces and Motivation to Learn in Grade 12 Students. Journal of Buddhist Education and Research (JBER), 11(2), 458–471. retrieved from https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jber/article/view/282539