การจัดการเรียนรู้ เรื่องปราสาทศีขรภูมิ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์

ผู้แต่ง

  • ชลธิชา ไหมทอง มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์
  • อิทธิวัตร ศรีสมบัติ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์
  • สิริพัฒถ์ ลาภจิตร มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์

คำสำคัญ:

การจัดการเรียนรู้, วิธีการทางประวัติศาสตร์, ปราสาทศีขรภูมิ

บทคัดย่อ

การวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประวัติและความเป็นมาปราสาทศีขรภูมิ ตำบล
ระแงง อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ เพื่อพัฒนาผลการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการทางประวัติศาสตร์ และความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดการเรียนการสอนด้วยวิธีการทางประวัติศาสตร์ โดยใช้แหล่งเรียนรู้ปราสาทศีขรภูมิ กลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลัก จำนวน 7 คน และกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนขวาวใหญ่วิทยา จำนวน 12 คน โดยเลือกแบบเจาะจง ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสาน โดยศึกษาจากเอกสาร หนังสือ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์เชิงลึก แผนการจัดการเรียนรู้ แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (ก่อน-หลังเรียน) แบบวัดความสามารถในการใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยวิธีการทางประวัติศาสตร์ ข้อมูลเชิงปริมาณ วิเคราะห์ข้อมูล
โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และร้อยละ และวิเคราะห์เนื้อหาเชิงพรรณนา

ผลการศึกษาพบว่า

1) ประวัติและความเป็นมาปราสาทศีขรภูมิ สร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 17 ในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ปราสาทศีขรภูมิถูกสร้างขึ้นเป็นเทวลัยสถานตามคติความเชื่อของศาสนาฮินดูในลัทธิไศวนิกาย ต่อมาได้มีการบูรณะปราสาทขึ้น เป็นศาสนสถานในศาสนาพุทธ นิกายมหายาน สันนิษฐานว่า ปราสาทต้องมีการบูรณะในช่วงพ.ศ.2302 เป็นต้นมา ลักษณะทางสถาปัตยกรรม เป็นปราสาท 5 หลัง ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลง ลักษณะทางศิลปกรรม ตรงกับศิลปะแบบนครวัด สมัยเมืองพระนคร

2) ผลการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการทางประวัติศาสตร์ โดยใช้แหล่งเรียนรู้ปราสาทศีขรภูมิ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยวิธีการสอนโดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และมีความสามารถในการใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ในระดับดีมาก

3) ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดการเรียนการสอนด้วยวิธีการทางประวัติศาสตร์ โดยใช้แหล่งเรียนรู้ปราสาทศีขรภูมิ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเฉลี่ยรวมทั้งหมดเท่ากับ 4.32 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.61 คิดเป็นร้อยละ 83.90

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

กฤษฎา พิณศรี. (2553). ศิลปกรรมแบบเขมรในจังหวัดสุรินทร์. สุรินทร์ : มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์.

เกียรติขจร ชัยเธียร. (2549). ‘ทรฺศน’ ปราสาทนครวัด การประเมินค่าทางสถาปัตย์. กรุงเทพฯ : อัมรินทร์.

ชัยรัตน์ โตศิลา. (2555). “การพัฒนากระบวนการเรียนการสอนโดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์

เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดทางประวัติศาสตร์ของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2”. ปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน ภาควิชาหลักสูตรและการสอน. คณะครุศาสตร์: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

พรทิพย์ วงศ์ไพบูลย์. (2560). “การเรียนรู้เชิงรุกและการมีส่วนร่วมของผู้เรียน (Active Learning)”. Journal of Yanasangvorn Research Institute Mahamakut Buddhist University, 8(2), 327–336.

พิศิษฐ ตัณฑวณิช. (2558). “แนวคิดการจำแนกพฤติกรรมการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์การจัดการศึกษาด้านพุทธิพิสัย ตามแนวคิดของบลูมและคณะฉบับปรับปรุง.” วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง. 3(2) : 13-25.

ณัทรัชตา ทะรีนทร์. (2563). “การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่อหน่วยการเรียนรู้วิชาประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ด้วยวิธีการทาง ประวัติศาสตร์ร่วมกับผังความคิด”. Journal of Modern Learning Development, 5(2), 26-39.

ไพฑูรย์ มีกุศล และทวีศักดิ์ ล้อมลิ้ม. (2544). หนังสือสาระการเรียนรู้พื้นฐานประวัติศาสตร์ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ช่วงชั้นที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544. กรุงเทพฯ : วัฒนาพาณิช.

ลาวัณย์ วิทยาวุฑฒิกุล และคณะ. (2543). คู่มือการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ไทย ส 028ประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานในดินแดนประเทศไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช.

ศุภณัฐ พานา ยศวีร์ สายฟ้า และวลัย อิศรางกูร ณ อยุธยา. (2562). “การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ ตามแนวคิดกระบวนการสืบสอบแสวงหความรู้เป็นกลุ่มร่วมกับแนวคิดMagic If เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดทางประวัติศาสตร์และการรับรู้ความรู้สึกทางประวัติศาสตร์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย”. Journal of Education Studies. 47(3) : 454-474.

สถาบันสังคมศึกษาสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2563) แหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ในท้องถิ่น 77 จังหวัดทั่วไทย (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์.

สุคน ระเบียบโอษฐ์. (2565). “การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หน่วยการเรียนรู้ หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการดำรงชีวิต ในสังคมของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน”. Asian Journal of Arts and Culture, 14(2), 141–156.

อชิรัชญ์ ไชยพจน์พานิช และภัทราวรรณ บุญจันทร์. (2561). โบราณสถานกับความเข้าใจด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ. กรุงเทพฯ : ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-06-22

รูปแบบการอ้างอิง

ไหมทอง ช., ศรีสมบัติ อ. ., & ลาภจิตร ส. . (2025). การจัดการเรียนรู้ เรื่องปราสาทศีขรภูมิ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์. วารสารวนัมฎองแหรกพุทธศาสตรปริทรรศน์, 12(1), 141–156. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/Vanam_434/article/view/268653

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย